1: การหาโรงเรียน ขั้นตอนแรก คือ school research หรือการหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งผู้ปกครองหลายท่านอาจจะโฟกัสที่อันดับหรือชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นสิ่งแรก แต่ทีมที่ปรึกษาของ EduSmith ขอแนะนำว่า โรงเรียนที่เหมาะสมกับลูกเรา คือ โรงเรียนที่ดีที่สุด โดยโรงเรียนที่เหมาะสมนี้ หมายความว่า โรงเรียนจะต้องมีปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมและต่อยอดศักยภาพที่น้องมีอยู่แล้ว โดยปัจจัยต่างๆที่ควรพิจารณามีหลายสิ่งด้วยกัน เช่น สังคม วิชาการ สถานที่ตั้ง และอื่น ๆ เมื่อมีโรงเรียนในใจแล้ว (หรือมีสองสามที่เพื่อเปรียบเทียบ) สิ่งต่อไปที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องทำคือกรอก “inquiry form” ของแต่ละโรงเรียน เพื่อติดต่อไปที่โรงเรียนและยังเป็นเอกสารที่แสดงให้เห็นว่าเราสนใจในตัวโรงเรียนจริงๆ อย่างไรก็ตาม หากกรอก inquiry form ไปแล้ว สุดท้ายไม่ต้องการสมัครเข้าโรงเรียนนั้นๆ ก็ไม่มีผลบังคับให้ต้องสมัครโรงเรียนนั้นแต่อย่างใด 2: สอบวัดระดับ คุณพ่อคุณแม่อาจได้ยินมาบ้างว่าหลายโรงเรียนเลือกที่จะใช้มาตรการ test-optional ในส่วนของคะแนน standardized ต่าง ๆ เช่น SSAT หรือ English Proficiency Test (TOEFL/IELTS/Duolingo) การจะส่งคะแนนสอบหรือไม่ขึ้นอยู่กับเราก็จริง […]
สำหรับน้องๆ ที่วางแผนจะสมัครสอบ GRE แบบ At-Home Testing นอกจากการเตรียมฝึกทำข้อสอบแล้ว สิ่งที่สำคัญมากๆ อีกอย่างหนึ่ง คือการเช็คอุปกรณ์และกฎระเบียบของทาง ETS (Equipment and Environment Requirement) ให้มั่นใจว่าเราทำตามกฎทุกอย่างสำหรับการสอบแบบ At-Home Testing หากน้องๆ ลืมเช็คกฎเหล่านี้ หรือทำไม่ถูกต้อง มีโอกาสโดนยกเลิกการสอบได้ทันที ซึ่งแน่นอนว่าเสียทั้งเวลาและเงินค่าสมัครสอบด้วยครับ กฎระเบียบที่สำคัญ ที่ ETS เน้นย้ำ มีสองเรื่อง คือ (1) กฏเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ (Equipment Requirement )และ (2) กฏเรื่องสถานที่สอบ (Environmental Requirement ) (1) กฏเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ (Equipment Requirement) คอมพิวเตอร์ ใหัใช้คอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อป ไม่สามารถใช้แท็บเล็ต Chromebook™ หรือมือถือในการสอบ ระบบปฏิบัติการ (operating system) ของคอมพิวเตอร์ ต้องเป็นของแท้เท่านั้น พีซี: ระบบปฏิบัติการ […]
สำหรับน้องๆที่กำลังเตรียมสมัครเรียน ปริญญาโท ในอังกฤษและอเมริกา อาจจะคุ้นหูกับข้อสอบ GRE ซึ่งเป็นข้อสอบสำคัญ และเป็นหนึ่งใน entry requirement ของหลักสูตรปริญญาโทดังๆ ของหลายมหาวิทยาลัย แต่น้องๆรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ ทาง GRE เปิดให้สมัครสอบแบบ At-Home Testing แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ทำให้น้องๆสามารถนั่งทำข้อสอบจากที่บ้านของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปศูนย์สอบอีกต่อไป !! รายละเอียดของการสอบ GRE At Home มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย GRE At Home คืออะไร ข้อสอบแตกต่างจาก GRE Test ปรกติหรือไม่ ข้อสอบของ GRE At Home จะเหมือนกับ GRE Test โดยปรกติเลย ไม่มีจุดที่แตกต่างกัน GRE At Home มีทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ Analytical Writing ทดสอบการเขียนเชิงวิเคราะห์ 2 […]
สำหรับคนที่สนใจอยากจะเรียนต่อปริญญาโทในอเมริกา น่าจะเคยได้ยินถึงการสอบ GMAT หรือ GRE และสำหรับคนที่อยากต่อด้านกฏหมาย ก็คงคุ้นเคยกับการสอบ LSAT ส่วนวันนี้เราขอมาแนะนำให้รู้จักกับข้อสอบสำหรับวัดระดับความรู้เพื่อเรียนต่อสายแพทย์ ที่มีชื่อว่า การสอบ MCAT ให้ได้รู้จักกัน MCAT คืออะไร The Medical College Admission Test หรือ ที่รู้จักโดยทั่วไปว่า MCAT นั้น เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการยื่นสมัครเข้าโปรแกรมแพทย์ รวมถึงโปรแกรมหมอจุฬาฯอินเตอร์ หรือ CU-MEDi โดยนักเรียนทุกคนจะต้องยื่นคะแนน MCAT เพื่อแสดงให้ทางมหาวิทยาลัยเห็นถึงระดับความรู้ที่สำคัญทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยนักเรียนต้องใช้เวลา 7.5 ชั่วโมงในการสอบ และต้องตอบคำถามทั้งหมดประมาณ 230 คำถาม ในการสอบ MCAT โดยข้อสอบ MCAT สามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ Biological and Biochemical Foundations of Living Systems Chemical and Physical […]
CV เป็นส่วนประกอบในใบสมัครที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง ทั้งเพื่อการสมัครเรียน หรือสมัครทำงาน แม้ว่าบางครั้งโรงเรียน หรือหน่วยงานอาจจะขอดูสิ่งที่เรียกว่า resume แต่เป้าหมายก็เหมือนกัน คือ เค้าต้องการจะดูผลงาน หรือ ประสบการณ์ทำงานที่คุณทำมาตลอดหลายปีนั่นเอง และสำหรับคนที่ต้องการยื่นสมัครโปรแกรมหมออินเตอร์จุฬาฯ 4 ปี แน่นอนว่าก็ต้องยื่น CV ด้วยเช่นกัน CV vs Resume CV ย่อมาจาก คำว่า “Curriculum Vitae” มีไว้เพื่อระบุความสำเร็จต่างๆที่ผ่านมา เช่น การศึกษา ความสามารถ ประสบการณ์ทำงาน และอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วความยาวของ CV แต่ละคนจะไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และกิจกรรมที่เคยทำซึ่งมีมากน้อยต่างกัน ส่วน Resume คือ การนำเอา CV มาสรุปสั้นๆใส่ขัอมูลการศึกษา ความสามารถ ประสบการณ์ทำงาน แบบย่อ เพื่อให้คนอ่านสามารถสแกนได้เร็วๆก็เข้าใจแล้ว หากจะเปรียบกันแล้ว CV จะเป็นเหมือนการดูหนังทั้งเรื่อง ขณะนี้ Resume เป็นเหมือน Youtube วิดีโอสั้นๆ […]
EduSmith สรุปมาให้แล้วใน article นี้ เอกสารรับรองด้านการศึกษา สำหรับผู้สมัครที่กำลังจะจบปริญญาตรี จะต้องยื่นจดหมายรับรองที่ออกโดยมหาวิทยาลัย เพื่อยืนยันว่าคุณกำลังจะเรียนจบปริญญาตรีในปีการศึกษานี้ พร้อมทั้งยื่น transcript ด้วย สำหรับผู้สมัครที่เรียนจบแล้ว สามารถยื่น transcript ปริญญาตรีของคุณได้เลย ผลสอบ English Proficiency (มีอายุ 2 ปี หลังจากวันสอบ) สามารถใช้ผล TOEFL (internet-based) คะแนนขั้นต่ำ 85 หรือ IELTS (Academic) คะแนน overall ขั้นต่ำ 7.0 ข้อยกเว้นสำหรับผู้สมัครที่มีสัญชาติออสเตรเลีย แคนาดา ไอร์แลนด์ อังกฤษ และอเมริกา ที่เรียนจบปริญญาตรีจากประเทศเหล่านี้ ไม่ต้องยื่นผลคะแนน TOEFL และ IELTS ผลคะแนน MCAT พร้อมด้วย verification code (มีอายุ 2 ปี หลังจากวันสอบ) MCAT (Medical […]
เป็นที่รู้กันว่าถ้าหากอยากจะประกอบอาชีพหมอในไทย ต้องเริ่มเส้นทางจากการยื่นสมัครในระดับปริญญาตรี ข่าวดีคือ ตอนนี้มีโปรแกรมเรียนแพทย์รูปแบบใหม่จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งคนที่จบปริญญาตรีจากสาขาอื่นๆ ก็สามารถยื่นสมัครได้ เรามาดูกันว่าโปรแกรม CU-MEDi หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า หมอจุฬาฯอินเตอร์ 4 ปี คืออะไร รายละเอียดหลักสูตร CU-MEDi คือ หลักสูตรแพทย์สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีแล้ว จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย CU-MEDi เป็นหลักสูตรนานาชาติ สอนด้วยภาษาอังกฤษ และเปิดรับนักเรียนไทย และต่างชาติจากทั่วโลก โดยนักเรียนใช้ระยะเวลาเพียง 4 ปี ในการจบการศึกษา ซึ่งต่างจากหลักสูตรหมอทั่วไปที่ต้องใช้เวลาถึง 6 ปี หลักสูตรนี้เหมาะกับใคร เป็นผู้ที่จบปริญญาตรีแล้ว หรือ กำลังเรียนปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 แน่นอนว่าใบปริญญา แพทยศาสตร์บัณฑิต หรือ (พ.บ.) ( Doctor of Medicine (MD)) เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการประกอบอาชีพหมอ เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการยื่นสมัครควรจะต้องเตรียมตัว เพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียนหลักสูตรที่เข้มข้นจาก CU-MEDi ซึ่งมีหลักสูตรเน้นเตรียมพร้อมนักเรียนให้เป็นหมอที่มีทักษะยุค 21st century ถึงแม้จะไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่อง major ของผู้สมัคร […]
ข้อที่ 1: ได้มีเวลาค้นหาตัวเอง ไม่ต้องรีบตัดสินใจ ตามปกติ การต้องตัดสินใจว่าเราอยากทำงานอะไรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว ยิ่งการตัดสินใจเรียนอาชีพที่ใช้ทั้งความรู้ และความเชี่ยวชาญอย่างอาชีพแพทย์ ในช่วงวัย 17-18 จึงถือเป็นโจทย์ที่ยากมากๆสำหรับคนในวัยนั้น ด้วยเหตุนี้เอง มหาวิทยาลัยหลายๆแห่งในต่างประเทศ จึงให้นักเรียน ได้มีเวลาลองค้นหาตัวเองไปก่อนสัก 2 ปี ก่อนจะเลือก major โดยหากนักเรียนมีความสนใจอยากเรียนแพทย์ (ซึ่งเป็นสายงานที่ต้องใช้การพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และใช้เวลาในการตัดสินใจค่อนข้างนาน) ทางมหาวิทยาลัยก็จะแนะนำให้ลงเรียนวิชาที่ทดสอบความพร้อมด้านการเรียนหมอก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะเรียนไหว ตลอดทั้ง 6 ปีของโปรแกรมแพทย์ จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่ในตอนนี้คุณเองยังมีโอกาสได้ค้นหาตัวเอง โดยไม่ต้องรีบตัดสินใจในวัยที่อาจจะยังไม่พร้อม ข้อที่ 2: มีเวลาหาประสบการณ์ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ข้อดีที่สุดอีกอย่างคือ คุณยังสามารถจะไปลองฝึกงาน หรือหาประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ดูก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า คุณอยากจะเป็นหมอจริงๆหรือเปล่า ยกตัวอย่าง นักเรียนของ EduSmith บางคน กำลังเรียนปริญญาโทด้าน business อยู่แต่มีความสนใจในด้านอาชีพหมอ จึงหาโอกาสไปฝึกงานที่โรงพยาบาล เพื่อให้ได้เห็นการทำงานรักษาคนไข้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้รู้ว่า ทีมแพทย์ และพยาบาล ต้องทำงานอะไร มีความกดดันที่ต้องเจออย่างไรบ้าง และนำเอา ข้อดี ข้อเสีย ที่ได้เห็นจริงๆเหล่านั้น มาประกอบการตัดสินใจว่าอยากเป็นหมอรึเปล่า […]
การสอบโทเฟลอาศัยการสั่งสมประสบการณ์และการฝึกฝน วันนี้เราเลยอยากมาแนะนำแอปฯ ดีมีคุณภาพที่จะทำให้เราสามารถฝึกทักษะต่าง ๆ ได้ทุกที่