เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดนิยม สำหรับคนที่เดินเข้ามาหาทีม EduSmith GradMBA พร้อมกับความตั้งใจที่อยากจะไปเรียนต่อ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าโปรแกรมปริญญาโทของอเมริกากับอังกฤษ มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วจะเลือกไปเรียนที่ไหนดี
รูปแบบการเรียน
US: เนื้อหาการเรียนจะค่อนข้างกว้าง และครอบคลุมความรู้ที่ต้องใช้สำหรับในสายงานนั้นๆ อาจารย์มีความยืดหยุ่นที่จะปรับเนื้อหาการสอนตามความสนใจของผู้เรียน สำหรับโปรแกรมปริญญาโท นักเรียนจะได้ความรู้จากหลายๆทาง ทั้งจากชั้นเรียน ทำวิจัย และเน้นการลงมือปฏิบัติจริงทั้งในห้องเรียนและการฝึกงาน
UK: โปรแกรมปริญญาโทของฝั่งอังกฤษจะเน้นสอนแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญด้านนั้นๆมากกว่า ด้วยระยะเวลาการเรียนที่สั้นเพียง 1 ปี จึงจะเน้นไปที่เนื้อหาในชั้นเรียน มากกว่าฝั่งอเมริกา
ระยะเวลาการเรียน
เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างอเมริกาและอังกฤษ และบางคนอาจจะใช้ปัจจัยนี้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ
US: โปรแกรมส่วนใหญ่ใช้เวลาเรียน 2 ปี
UK: โปรแกรมส่วนใหญ่ใช้เวลาเรียน 1 ปี
การให้ทุนต่างๆ
US: มีการสนับสนุนให้ทุนหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น scholarship, grant, fellowship, assistantships ซึ่งมีรายละเอียดและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจะขอมาอธิบายใน blog ต่อๆไป จุดที่น่าสนใจ คือ ฝั่งอเมริกาจะมีทุนสนับสนุนสาย STEM ค่อนข้างเยอะ
UK: คล้ายกันกับฝั่งอเมริกา โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีวิธีการให้ทุน และประเภททุนแตกต่างกันออกไป ทีม EduSmith แนะนำว่าควรหาข้อมูล หรือติดต่อสอบถามกับมหาวิทยาลัยโดยตรง
วัฒนธรรมและประสบการณ์ที่จะได้รับ
US: อเมริกาเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีรัฐต่างๆ ที่แต่ละโซนก็มีความแตกต่างทั้งภูมิอากาศ ส่งผลต่อกิจกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ รวมถึงมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ จากคนรอบโลก ทำให้นักเรียนจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างมากมาย ในแคมปัสเองก็มีกิจกรรม กีฬา ดนตรี รวมถึงคลับต่างๆให้ได้พบปะกับเพื่อนๆจากทั่วโลก
UK: ฝั่งอังกฤษจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมมากกว่า ด้วยอังกฤษเองมีประวัติศาสตร์ มีความเก่าแก่มากกว่า เหมาะกับคนที่ชอบท่องเที่ยวสถานที่ที่มีความเป็นมายาวนาน หรือเดินชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ต่างๆ เรื่องความหลากหลายของเชื้อชาติในชั้นเรียนอาจจะน้อยกว่าอเมริกาอยู่บ้าง
การหางาน
US: มหาวิทยาลัยในอเมริกาจะมี connection กับบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ช่วยสร้างโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกงาน ได้ทำความรู้จักกับคนใน นำไปสู่การสมัครร่วมงานกัน
UK: คล้ายกันกับมหาวิทยาลัยฝั่งอเมริกา ฝั่งอังกฤษเองก็โดดเด่นในการผลิตนักเรียนที่มีความรู้และทักษะความเชี่ยวชาญในโปรแกรมที่เรียน และ connect นักเรียนกับคนในอุตสาหกรรมการทำงาน นอกจากนี้ประเทศอังกฤษก็เปิดโอกาสให้นักเรียนต่างชาติสามารถหางานหลังจากเรียนจบได้
สุดท้ายนี้ เราขอสรุปให้ว่า ไม่ว่าจะไปเรียนต่อโทที่อเมริกาหรืออังกฤษ ย่อมดีทั้งคู่ เพราะทั้ง 2 ประเทศนี้ มีระบบการศึกษาที่ได้มาตรฐานระดับโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้ได้ไปสัมผัสเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และยังสามารถมอบโอกาสการทำงานที่ดีในอนาคตได้อีกด้วย
หากจะตัดสินใจเลือกที่ใดที่หนึ่ง ก็ต้องมาพิจารณาดูในหลายๆส่วนอย่างที่กล่าวมาเบื้องต้น รวมทั้งเป้าหมายส่วนตัวในการเรียนต่อ และการทำงานของแต่ละคนด้วย
แต่ถ้าหากยังไม่แน่ใจว่ามหาวิทยาลัยที่ไหนจะดีกับเราที่สุด แล้วจะเริ่มต้นหาข้อมูลที่ตรงไหนดี คำถามนี้ให้ทีม EduSmith ช่วยตอบ พูดคุยกับที่ปรึกษาของเรา ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาฟรี เพียงแอด Line Official Account @edusmithgradmba หรือ คลิก