วิเคราะห์สถานการณ์วีซ่านักเรียนสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ พร้อมคำแนะนำจากที่ปรึกษาของ EduSmith
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แวดวงการศึกษาต่างประเทศต้องเผชิญกับความปั่นป่วนอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลทรัมป์มีท่าทีแข็งกร้าวต่อมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณี Harvard vs Trump ที่กลายเป็นประเด็นร้อน
📌 สรุปสถานการณ์ล่าสุด
- รัฐบาลทรัมป์มีแนวทาง ตรวจสอบกิจกรรมทางการเมืองของนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะประเด็นต่อต้านชาวยิว (Anti-Semitism)
- Harvard ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลนักศึกษา ส่งผลให้ทรัมป์ขู่ตัดงบประมาณที่รัฐบาลสหรัฐฯมอบให้กับ Harvard กว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์
- Harvard ขู่จะฟ้องกลับ นำไปสู่ท่าที ชะลอการรับนักเรียนต่างชาติและขั้นตอนการขอวีซ่า
- กระบวนการขอวีซ่ากลับมามี ความเข้มงวดมากขึ้น
- หยุดให้จองสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราว (จนกว่าจะมีระบบตรวจสอบโซเชียลมีเดียใหม่)
- จากเดิมวีซ่านักเรียนใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ อาจต้องรอนานขึ้น
- สัมภาษณ์อาจนัดยากกว่าเดิม
- หยุดให้จองสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราว (จนกว่าจะมีระบบตรวจสอบโซเชียลมีเดียใหม่)
🚩 โดยทีมงานของ EduSmith ได้ติดต่อสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ ซึ่งยืนยันว่ายัง ดำเนินการตามปกติ แต่แนะนำให้ติดตามอัปเดตอย่างใกล้ชิดจากแหล่งข้อมูลทางการ
🔍 กระบวนการตรวจสอบ social media
หนึ่งในนโยบายใหม่คือการตรวจสอบ กิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย ของผู้ยื่นขอวีซ่า โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาโพสต์, แชร์, คอมเมนต์ บน Instagram, TikTok, X (Twitter) และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อมองหาสิ่งที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
🎓 แล้วนักเรียนควรทำอย่างไร?
สำหรับนักเรียนที่ได้ acceptance เข้าเรียนแล้ว:
Strategist ของ EduSmith มีคำแนะนำให้น้องๆดังนี้
- อย่าตกใจ ติดต่อมหาวิทยาลัยของเราทันที เพื่อสอบถามหาคำแนะนำ หรือมีกระบวนการอะไรเพิ่มเติมที่ต้องทำหรือไม่
- เพราะคาดว่าจะเกิดความล่าช้าในการขอวีซ่า ควรรีบจองคิวสัมภาษณ์ให้เร็วที่สุด
- ตรวจสอบสิ่งที่โพสต์บนโซเชียล ไม่ควรแสดงความเห็นทางการเมืองหรือประเด็นอ่อนไหว
- หากสมัครเรียนประเทศอื่นไว้ด้วย เช่น UK, Canada หรือ Singapore อาจพิจารณาคอนเฟิร์มที่เหล่านี้ไว้เป็นแผนสำรอง
สำหรับนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวสมัคร:
- อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป สามารถสอบถามข้อมูล สถานการณ์ความเป็นไปจาก EduSmith ได้ตลอดเวลา
- เตรียมแผนสำรอง พิจารณาสมัครมหาวิทยาลัยในประเทศอื่นๆควบคู่ไปด้วย
- จะไปที่ไหนอย่างไร ก็ต้องเตรียม academic profile ให้แข็งแรงเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น Transcript, Test Score และกิจกรรมยังคงสำคัญ
💬 ตอบคำถามคาใจ
Q: มาตรการนี้จะถาวรไหม?
A: หากถามความเห็นของ EduSmith คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ ในสหรัฐฯนั้นมีนักเรียนต่างชาติอยู่กว่า 1 ล้านคน และนักเรียนเหล่านี้ได้สร้างรายได้กว่า $43.8B ให้กับสหรัฐฯเอง คิดดูแล้วมหาวิทยาลัยต่างๆน่าจะไม่ยอมให้นโยบายนี้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
Q: มี F-1 Visa แล้ว จะได้รับผลกระทบไหม?
A: อาจมีผลในขั้นตอนการ “ต่ออายุ” ซึ่งจะใช้เวลานานขึ้นและต้องผ่านการตรวจสอบเชิงลึกมากขึ้น
Q: ควรจัดการโซเชียลมีเดียอย่างไร?
- อย่าลบบัญชี ไม่มีตัวตนอาจกลายเป็น red flag
- ตรวจสอบสิ่งที่โพสต์: หลีกเลี่ยงเนื้อหาทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งต่างๆที่เราได้กล่าวไป
Q: ยังควรไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ อยู่ไหม?
A: ควรค่ะ! ประธานาธิบดีอยู่แค่ 4 ปี แต่ปริญญาจากมหาวิทยาลัยระดับโลก จะอยู่กับเราตลอดชีวิต
📢 EduSmith พร้อมอยู่เคียงข้างคุณในทุกสถานการณ์
เราจะคอยอัปเดตสถานการณ์ พร้อมให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์แก่น้องๆ ไปจนถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้จนสำเร็จ
📍สนใจปรึกษาเรา แอดไลน์มาคุยกันได้ที่ @EduSmith





